14 มี.ค. 2567

ขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการให้ตามกำหนดเวลา | เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร | คดีปกครอง

          คดีเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร

           เจ้าพนักงานที่ดินไม่ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้เจ้าของที่ดินตามคำขอ จนกระทั่งล่วงเลยเวลาไปนาน ผู้ขอออกโฉนดที่ดินจึงฟ้องต่อศาลปกครองว่า เจ้าพนักงานที่ดินละเลยต่อหน้าที่

          คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 1267/2559  ข้อเท็จจริงมีว่า ขณะเกิดเหตุ ผู้ฟ้องคดีนำหลักฐาน น.ส. 3 ก. พร้อมสําเนาระวางรูปถ่ายทางอากาศ หมายเลข 4845 IV ที่สํานักงานป่าไม้เขตได้ขีดเขตป่าไม้สงวนแห่งชาติและป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรีลงในระวางแล้ว มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะราย ตามคำขอลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2554 แต่เมื่อมีการออกประกาศโฉนดที่ดินและไม่มีผู้คัดค้านแล้ว เจ้าพนักงานที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดี) กลับไม่ดำเนินการออกโฉนดที่ดินตามคาขอ ผู้ฟ้องคดีสอบถามความคืบหน้าหลายครั้ง จนกระทั่งนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีออกโฉนดที่ดิน โดยเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร

          เจ้าพนักงานที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดี) อ้างแผนที่ภูมิประเทศและระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศว่า ที่ดินพิพาทบางส่วนมีอาณาเขตติดต่อคาบเกี่ยวแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี จึงต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ทำการพิสูจน์ที่ดินเสียก่อน และไม่ใช่กรณีที่ต้องใช้เวลาดำเนินการประมาณ 64 วันตามประกาศกรมที่ดิน เรื่องการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546

          คดีนี้มีข้อที่ควรพิจารณาว่า การที่ผ้ถูกฟ้องคดีไม่ดำเนินการตามคำขอ เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรหรือไม่ ?

          ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการออกโฉนดที่ดินตามมาตรา 57 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จึงมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการออกโฉนดที่ดินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดไว้ในมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และต้องปฏิบัติตามประกาศกรมที่ดิน เรื่องการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 ที่กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายไว้มีกระบวนงาน 16 ขั้นตอน ใช้เวลาประมาณ 64 วันทำการ  การดำเนินงานตามคำขอของผู้ฟ้องคดีต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าว แม้ผู้ถูกฟ้องคดีจะอ้างว่าได้ตรวจสอบที่ดินพิพาทว่ามีอาณาเขตติดต่อคาบเกี่ยวแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรีจึงต้องตรวจสอบให้ได้ความชัดเจนเสียก่อนอันถือเป็นข้อยกเว้นที่ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีไม่อาจดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้ผู้ฟ้องคดีได้ภายในระยะเวลา 64 วันทำการ ตามขั้นตอนและระยะเวลาตามประกาศของกรมที่ดินก็ตาม แต่ผู้ถูกฟ้องคดีก็มีหน้าที่ที่จะต้องพิจารณาคําขอของผู้ฟ้องคดีให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันสมควร โดยควรต้องมีคําสั่งเกี่ยวกับคําขอไม่เกิน 90 วันทําการ นับแต่วันที่ได้รับคำขอออกโฉนดที่ดิน
          เมื่อนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน จนถึงวันยื่นฟ้องรวมเป็นเวลากว่า 288 วัน โดยไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินและมิได้ส่งพยานหลักฐานการสั่งเรื่องตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีอ้างได้ อีกทั้งภายหลังยื่นฟ้องคดีนี้ปรากฏว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินตามกฎกระทรวงดังกล่าว และผู้ถูกฟ้องคดีในฐานะประธานกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินได้แจ้งนัดหมายคณะกรรมการในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 กรณีจึงฟังได้ว่า ก่อนที่ผู้ฟ้องคดีจะยื่นฟ้องคดีนี้ ผู้ถูกฟ้องคดียังมิได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินตามที่กล่าวอ้าง ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่สามารถจะดำเนินการหรือเร่งรัดการตรวจพิสูจน์ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอนสมควรได้ จึงถือว่าผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ในการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามคำขอล่าช้าเกินสมควร

           พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีดําเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามขั้นตอน หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายที่ดิน กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด