15 ก.ค. 2559

เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายหรือรับอันตรายสาหัส

          ประมวลกฎหมายอาญา
          มาตรา 294  "ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ ถึงแก่ความตายโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ"
          มาตรา 299  "ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ"

          มีคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยไว้ เช่น

          การชุลมุนต่อสู้กันจะต้องไม่สามารถรู้หรือไม่สามารถแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันได้
          คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2642/2542  จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8 มีเจตนาร่วมวิวาททำร้ายผู้ตายกับพวกมาแต่แรกอีกทั้งได้ลงมือทำร้ายผู้ตายกับพวกโดยร่วมกัน ชกต่อยและใช้ไม้ตี ถึงแม้ผู้ตายจะถึงแก่ความตายเพราะถูกแทง โดยไม่รู้ว่าจำเลยคนไหนเป็นคนแทง จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8 ก็มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การที่จำเลยกับพวกฝ่ายหนึ่งและผู้ตายกับพวกอีกฝ่ายหนึ่งสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน แม้แต่ละฝ่ายมีหลายคนแต่เมื่อสามารถรู้และแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันได้ หาใช่เป็นความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กันเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายไม่
          คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1189/2537  แม้จำเลยจะมีพวกน้อยกว่า แต่จำเลยกับพวกมีทั้งอาวุธปืนและอาวุธมีด น่าจะเป็นเหตุให้จำเลยกับพวกไม่ได้เกรงกลัวโจทก์ร่วมกับผู้เสียหาย การทะเลาะวิวาทระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเป็นการสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน อันเป็นเหตุให้จำเลยไม่อาจอ้างเรื่องป้องกันตัวมาเป็นข้อต่อสู้ได้ แม้ว่าในระหว่างการวิวาทกันนั้นจำเลยอาจเพลี่ยงพล้ำไปบ้างก็ตาม และกรณีที่โจทก์ร่วมกับผู้เสียหายฝ่ายหนึ่ง และจำเลยกับพวกอีกฝ่ายหนึ่งได้เกิดวิวาททำร้ายกัน และจำเลยใช้อาวุธปืนพกที่ติดตัวไปยิงโจทก์ร่วมกับพวกและใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมและผู้เสียหายเช่นนี้เป็นคนละกรณีกับเรื่องชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปเพราะกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นกรณีที่ไม่อาจทราบได้ว่าผู้ใดร่วมกับใครทำร้ายโจทก์ร่วมและการที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วมกับพวก กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมและพลาดไปถูกผู้อื่นถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
          คำพิพากษาศาลฎีกาที่  4804/2530  กรณีชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และมีบุคคลถึงตาย ตาม ป.อ. มาตรา 294 หมายถึงกรณีที่ไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครได้ทำร้ายผู้ตายถึงตาย มิใช่กรณีที่ฝ่ายหนึ่งกลุ้มรุมกันทำร้ายผู้ตายถึงตาย ซึ่งฝ่ายนั้นต้องรับผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา.

          การเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ตั้งแต่สามคนขึ้นไปจนมีผู้เสียชีวิต จะต้องไม่อาจทราบได้ว่าใครหรือฝ่ายไหนเป็นคนทำร้ายให้เสียชีวิต 
          คำพิพากษาศาลฎีกาที่  3713/2531  ผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายในขณะเกิดชุลมุนต่อสู้หรือสมัครใจวิวาทกันระหว่างฝ่ายผู้ตายและฝ่ายจำเลยซึ่งได้เข้าร่วมในการชุลมุนตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้เข้าร่วมในการชุลมุนคนใดใช้มีดแทงทำร้ายร่างกายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ จะถือว่าผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ทั้งหมดมีเจตนาร่วมกันฆ่าผู้ตายไม่ได้จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 เท่านั้น
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และผู้ตายซึ่งอยู่ในที่ชุลมุนด้วยถูกแทงทำร้ายถึงแก่ความตาย คงมีปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยเฉพาะที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายด้วยเท่านั้น โจทก์มี ว. พ. และ ส. ซึ่งรู้เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุมาเป็นพยานเบิกความถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคดีนี้ว่าจำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงทำร้ายผู้ตาย แต่พยานโจทก์ทั้งสามนี้กลับเบิกความเกี่ยวกับเหตุการณ์เดียวกันนี้ไว้ในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 1800/2528 ของศาลชั้นต้นว่า คนร้ายถือมีดมีหลายคน ที่สำคัญไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนแทงทำร้ายผู้ตายแต่อย่างใด โดยเฉพาะ ว.เบิกความว่า ค.เป็นคนใช้มีดแทงทำร้ายผู้ตาย ส่วน พ.กับ ส.เบิกความในคดีก่อนในส่วนที่เกี่ยวกับคนร้ายรายนี้ว่า มี ข.(ชื่อเหมือนกันกับชื่อจำเลยในคดีนี้) ยืนอยู่ในกลุ่มของ ค. ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 คนในขณะเกิดเหตุด้วย สำหรับคดีนี้ ว.เบิกความว่า จำเลยใช้มีดแทงที่ท้องของผู้ตาย พ.เบิกความว่า จำเลยแทงทำร้ายผู้ตาย 2 ครั้งคือที่ท้องและหลัง ส่วน ส. เบิกความตอนแรกว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยถือเหล็กขูดซาฟท์ แต่เบิกความตอนแทงทำร้ายผู้ตายว่าจำเลยใช้มีดแทงอย่างไรก็ดี ตามรายงานการชันสูตรพลิกศพผู้ตายท้ายฟ้องปรากฏว่าผู้ตายถูกแทงมีบาดแผล 2 แผล คือที่บริเวณหลังด้านซ้ายกับที่บริเวณหลังด้านขวา หาใช่ถูกแทงที่ท้องดังพยานโจทก์ดังกล่าวเบิกความไม่ เมื่อคำเบิกความของพยานโจทก์ขัดต่อลักษณะสภาพบาดแผลของผู้ตาย ประกอบกับได้ความว่าพยานโจทก์ก็ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยจนต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด และไม่ทราบว่าถูกผู้ร่วมในการชุลมุนคนไหนแทงทำร้ายรวมทั้งพยานโจทก์ได้เบิกความให้ข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีคนแทงทำร้ายผู้ตายซึ่งเป็นสาระสำคัญ 2 ครั้ง แตกต่างกันไม่อยู่กับร่องรอยเช่นนี้ ทำให้น่าเชื่อว่าพยานโจทก์คงเห็นไม่ถนัดหรือไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าผู้ร่วมในการชุลมุนคนไหนใช้มีดแทงทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าผู้ตายถึงแก่ความตายสืบเนื่องจากการที่จำเลยกับพวกของจำเลยเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้และแม้พวกของจำเลยจะได้ร่วมทำร้ายร่างกายผู้ตายด้วย ก็ต้องถือว่าจำเลยกับพวกของจำเลยร่วมกันฆ่าผู้ตายนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายในขณะเกิดชุลมุนต่อสู้หรือสมัครใจวิวาทกันระหว่างฝ่ายผู้ตายและฝ่ายจำเลยซึ่งได้เข้าร่วมในการชุลมุนตั้งแต่สามคนขึ้นไปโดยไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้เข้าร่วมในการชุลมุนคนไหนใช้มีดแทงทำร้ายร่างกายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเช่นนี้ จะถือว่าผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ทั้งหมดมีเจตนาร่วมกันฆ่าผู้ตายไม่ได้ ด้วยเหตุดังได้วินิจฉัยมา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

          ใช้สิ่งของขว้างปากับกลุ่มคนที่ทะเลาะวิวาทกัน เป็นการเข้าร่วมในการชุลมุนวิวาทด้วย
          คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2241/2522  ใช้สิ่งของขว้างปากับกลุ่มคนที่ทะเลาะวิวาทกัน เป็นการเข้าร่วมในการชุลมุนวิวาทด้วย เมื่อเป็นเหตุให้มีคนตาย เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294
          ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ใช้สิ่งของขว้างปากับกลุ่มบุคคลที่ทะเลาะวิวาทนั้นฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ด้วย และเหตุที่มีการขว้างระเบิดจนเป็นเหตุให้มีคนถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัสก็โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น"
          
          ความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป กฎหมายมุ่งประสงค์จะลงโทษผู้ที่เข้าร่วมในการต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ท่ามกลางความชุลมุนหรือสับสนวุ่นวาย โดยไม่ทราบว่าผู้ใดหรือฝ่ายใดเป็นผู้ทำร้าย
          คำพิพากษาศาลฎีกาที่  8737/2553  ความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น เป็นกรณีที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะลงโทษผู้ที่เข้าร่วมในการต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ท่ามกลางความชุลมุนหรือสับสนวุ่นวาย โดยไม่ทราบว่าผู้ใดหรือฝ่ายใดเป็นผู้ทำร้าย คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อีกฝ่ายหนึ่งสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน ไม่ว่าจะเกิดการชุลมุนหรือไม่ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ย่อมมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา