ในการเวนคืนที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว รัฐก็จะกำหนดค่าทดแทนให้กับเจ้าของที่ดินหรือบุคคลซึ่งมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทน โดยการทำสัญญาซื้อขายกันไว้
ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนได้แก่ใครบ้าง?
หน่วยงานของรัฐจะกำหนดค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ โดยจะกำหนดให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
1.เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งที่ดินที่ต้องเวนคืน
2.เจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่รื้อถอนไม่ได้
ซึ่งมีอยู่ในที่ดินที่ต้องเวนคืนนั้น ในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
หรือได้ปลูกสร้างขึ้นภายหลังโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
3.ผู้เช่าที่ดิน โรงเรือน
หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นในที่ดินที่ต้องเวนคืน
แต่การเช่านั้นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ซึ่งได้ทำไว้ก่อนวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา หรือได้ทำขึ้นภายหลังโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
และการเช่านั้นยังมิได้ระงับไปในวันที่เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่
ได้เข้าครอบครองที่ดิน โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
แต่เงินค่าทดแทนในการเช่านี้พึงกำหนดให้เฉพาะที่ผู้เช่าได้เสียหายจริง โดยเหตุที่ต้องออกจากที่ดินโรงเรือน
หรือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวก่อนสัญญาเช่าระงับ
4.เจ้าของต้นไม้ยืนต้นที่ขึ้นอยู่ในที่ดินในวันที่ใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
5.เจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่รื้อถอนได้
ซึ่งมีอยู่ในที่ดินที่ต้องเวนคืนนั้นในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
แต่ต้องไม่เป็นผู้ซึ่งจำต้องรื้อถอนโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไป
เมื่อได้รับแจ้งจากเจ้าของที่ดิน เงินค่าทดแทนตามข้อ 3.5 นี้
พึงกำหนดให้เฉพาะค่ารื้อถอนค่าขนย้ายและค่าปลูกสร้างใหม่ (ในสภาพเดิม)
6.บุคคลผู้เสียสิทธิในการใช้ทาง วางท่อน้ำ
ท่อระบายน้ำ สายไฟฟ้าหรือสิ่งอื่นซึ่งคล้ายกันผ่านที่ดินที่ต้องเวนคืนนั้นตามมาตรา
1349 หรือมาตรา 1352 แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์
ในกรณีที่บุคคลเช่นว่านั้นได้จ่ายค่าทดแทนในการใช้สิทธิดังกล่าวให้แก่เจ้าของที่ดินที่ต้องเวนคืนแล้ว
หากผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทน ไม่พอใจค่าทดแทนที่ได้รับ จะต้องทำอย่างไร?
ทั้งนี้หากผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ไม่พอใจในค่าทดแทนที่ได้รับ ก็สามารถอุทธรณ์ขอค่าทดแทนเพิ่มเติมต่อรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ต่อไปภายใน 60 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือแจ้งให้ไปรับเงินค่าทดแทนดังกล่าว ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนจะไม่พอใจเป็นส่วนมาก เนื่องจากค่าทดแทนที่ได้รับจะต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายกันจริงในท้องตลาดค่อนข้างมาก
และกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนยังไม่พอใจในคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี หรือในกรณีที่รัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลา ให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีหรือนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว
แล้วแต่กรณี