คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4639/2566 การกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน, ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 
          จำเลยที่ 1 แม้ไม่มีฐานะหรือคุณสมบัติเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายโดยตรงในการดูแลและประสานโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านบ่อน้ำใส ประจำปีงบประมาณ 2557 อันจะร่วมกระทำความผิดเป็นตัวการหรือเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลตรึม และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตได้ แต่การที่จำเลยที่ 1 ให้ ว. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทำบันทึกตกลงซื้อบั้งไฟและบันทึกตกลงจ้างเหมาวงดนตรีกลองยาวนำขบวนแห่เสนอให้ ร. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตรึมลงนามในเอกสารดังกล่าว และให้ ว. ทำสัญญายืมเงินอันเป็นเท็จแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ได้นำเงินงบประมาณดังกล่าวไปจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นจากเงินงบประมาณ และจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือสามารถให้คุณให้โทษแก่จำเลยที่ 2 ว. และ ป. ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ได้พูดจาว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตนเองเพื่อเร่งรัดให้จำเลยที่ 2 ว. และ ป. ซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจรับพัสดุและมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในใบตรวจรับพัสดุ ได้จัดทำใบตรวจรับพัสดุว่าผู้ขายส่งมอบบั้งไฟตามบันทึกตกลงซื้อคุณภาพถูกต้องครบถ้วน และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้รับบั้งไฟซึ่งตรวจรับถูกต้องสมควรจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างอันเป็นเท็จ และทำใบตรวจรับพัสดุว่าผู้รับจ้างส่งมอบงานจ้างเหมาวงดนตรีกลองยาวนำขบวนแห่งวดสุดท้ายถูกต้องและครบถ้วน จึงสมควรจ่ายค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างอันเป็นเท็จนั้น เป็นการกระตุ้นส่งเสริมเร่งเร้าหรือโน้มน้าวชักจูงใจจำเลยที่ 2 ว. และ ป. มุ่งกระทำให้หนักแน่นยิ่งขึ้น จนจำเลยที่ 2 ว. และ ป. ยินยอมลงชื่อในใบตรวจรับพัสดุดังกล่าวทั้งสองฉบับ เพื่อรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าจำเลยที่ 2 ว. และ ป. อันเป็นเท็จและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 2 ว. และ ป. กระทำความผิดดังกล่าวก่อนหรือขณะกระทำความผิดซึ่งครบองค์ประกอบความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 2 ว. และ ป. เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลตรึม และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์จากเงินงบประมาณในการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
          ----------------------------------------------------

          โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 157, 162

          จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ขอถอนคำให้การเดิม และให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้อง

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม), 162 (1) (4) (เดิม) ประกอบมาตรา 83 เป็นการกระทํากรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท จําเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษมีกําหนด 3 ปี ให้คุมความประพฤติของจําเลยที่ 2 มีกําหนด 2 ปี โดยให้จําเลยที่ 2 ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง ตลอดระยะเวลาที่คุมความประพฤติ และให้จําเลยที่ 2 ทํางานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่จําเลยที่ 2 และพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ยกฟ้องจําเลยที่ 1

          โจทก์อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม), 162 (1) (4) (เดิม) ประกอบมาตรา 86 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 8 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

          จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงซึ่งพิจารณาได้ความว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 ถึง 26 พฤษภาคม 2557 มีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟที่บ้านบ่อน้ำใส ตําบลตรึม อําเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งชาวบ้านบ่อน้ำใสร่วมกันจัดขึ้นโดยมิได้อาศัยงบประมาณจากทางราชการองค์การบริหารส่วนตําบลตรึม มีโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟประจําปีงบประมาณ 2557 ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 โดยจะจัดงานร่วมกับบ้านบ่อน้ำใส นายวิรัช นายกองค์การบริหารส่วนตําบลตรึมอนุมัติโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟตามที่ได้รับงบประมาณ 150,000 บาท เพื่อจัดซื้อบั้งไฟ 18 บั้ง บั้งละ 4,000 บาท เป็นเงิน 72,000 บาท จ้างเหมาวงดนตรีกลองยาวนำขบวนแห่ 19,500 บาท จ้างเหมาจัดสถานที่และฐานจุดบั้งไฟ 15,000 บาท จ้างเหมาเครื่องเสียง 11,000 บาท ป้ายประชาสัมพันธ์และป้ายโครงการ 1,000 บาท รางวัลขบวนแห่บั้งไฟ 30,000 บาท และค่าตอบแทนคณะกรรมการตัดสิน 3 คน คนละ 500 บาท เป็นเงิน 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 150,000 บาท จําเลยที่ 1 ดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลตรึม ซึ่งมิได้มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลและประสานงานโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของนายเสงี่ยม รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลตรึมอีกคนหนึ่ง จำเลยที่ 1 ดำเนินการให้มีการตั้งฎีกาเบิกเงินงบประมาณตามที่ได้รับอนุมัติจากนายวิรัช โดยให้จําเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุช คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ทำใบตรวจรับพัสดุว่าผู้ขายส่งมอบบั้งไฟและผู้รับจ้างส่งมอบงานจ้างเหมาวงดนตรีกลองยาวนําขบวนแห่ถูกต้องและครบถ้วน นายกองค์การบริหารส่วนตําบลตรึม อนุมัติเบิกจ่ายเงินงบประมาณดังกล่าว ต่อมานายสุทธิ์สาคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลตรึม ร้องเรียนว่าโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างจริง แต่มีการแอบอ้างว่ามีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟของบ้านบ่อน้ำใสเป็นโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟขององค์การบริหารส่วนตําบลตรึม ที่จัดร่วมกับชาวบ้านบ้านบ่อน้ำใส นายอําเภอศีขรภูมิแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดสําหรับผู้เกี่ยวข้อง กรมบัญชีกลางให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนตําบลตรึมหลายคนรวมทั้งจําเลยที่ 2 โดยจําเลยที่ 2 ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 44,791.67 บาท จําเลยที่ 2 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนครบถ้วนแล้ว ต่อมามีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรบ้านหนองจอกให้ดําเนินคดีแก่ผู้เกี่ยวข้องและร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรบ้านหนองจอกทําการสอบสวน โจทก์ฟ้องนางวราภรณ์และนางปริยานุช นางวราภรณ์และนางปริยานุชให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษนางวราภรณ์และนางปริยานุชฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม), 162 (1) (4) (เดิม) จำเลยที่ 1 เข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟขององค์การบริหารส่วนตำบลตรึม ทั้งที่โครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายเสงี่ยม รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตรึม และจำเลยที่ 1 ได้ประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากเงินงบประมาณของรัฐในโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟดังกล่าว

          พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 แต่เพียงว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม), 162 (1) (4) (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุช ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า การสนับสนุนการกระทำความผิดมีองค์ประกอบคือ 1) ต้องมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น 2) มีการกระทำด้วยประการใด ๆ ไม่ว่าในทางกายภาพ (physical) หรือในทางจิตใจ (psychological) อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดที่ได้เกิดขึ้นนั้น 3) โดยเจตนาช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดที่ได้เกิดขึ้นนั้น 4) ก่อนหรือขณะกระทำความผิด 5) ไม่ว่าผู้กระทำความผิดนั้นจะได้รู้หรือมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นหรือไม่ก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงซึ่งพิจารณาได้ความว่า จําเลยที่ 1 แม้ไม่มีฐานะหรือคุณสมบัติเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายโดยตรง ในการดูแลและประสานงานโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านบ่อน้ำใสประจำปีงบประมาณ 2557 อันจะร่วมกระทำความผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้ใช้ให้กระทำความผิดได้ แต่จำเลยที่ 1 ให้นางวราภรณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทําบันทึกตกลงซื้อบั้งไฟและบันทึกตกลงจ้างเหมาวงดนตรีกลองยาวนําขบวนแห่ เสนอให้นายวิรัช นายกองค์การบริหารส่วนตําบลตรึมลงนามในเอกสารดังกล่าวและให้นางวราภรณ์ทําสัญญายืมเงิน 31,500 บาท อันเป็นความเท็จ ความจริงจําเลยที่ 1 มิได้นําเงินงบประมาณดังกล่าวไปจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นจากเงินงบประมาณสำหรับโครงการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุชเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตามกฎหมาย ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจรับพัสดุและมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในใบตรวจรับพัสดุ โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือซึ่งสามารถให้คุณให้โทษแก่จำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุช พูดจาว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตนเองเพื่อเร่งรัดให้จำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุชจัดทำใบตรวจรับพัสดุฉบับลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 ว่าผู้ขายส่งมอบบั้งไฟตามบันทึกตกลงซื้อคุณภาพถูกต้องครบถ้วนเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 จำนวน 72,000 บาท และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้รับบั้งไฟซึ่งตรวจรับถูกต้องสมควรจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้าง และทำใบตรวจรับพัสดุฉบับลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ว่าผู้รับจ้างส่งมอบงานจ้างเหมาวงดนตรีกลองยาวนำขบวนแห่งวดสุดท้ายถูกต้องและครบถ้วนเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 จึงสมควรจ่ายค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง อันเป็นการกระตุ้นส่งเสริมเร่งเร้าหรือโน้มน้าวชักจูงใจจำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุชมุ่งกระทำให้หนักแน่นยิ่งขึ้น จนจำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุชยินยอมลงชื่อในเอกสาร 2 ฉบับ ดังกล่าว เพื่อรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าจำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุชอันเป็นความเท็จ ความจริงผู้ขายมิได้ส่งมอบบั้งไฟและผู้รับจ้างมิได้ส่งมอบงานจ้างเหมาวงดนตรีกลองยาวนำขบวนแห่ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุชกระทำความผิดดังกล่าวก่อนหรือขณะกระทำผิด และเมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุชเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จนั้นเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม), 162 (1) (4) (เดิม) ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อท 108/2562 ของศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีนี้ คดีเป็นที่สุด การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงครบองค์ประกอบความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 2 นางวราภรณ์ และนางปริยานุชเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลตรึม และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้จำเลยที่ 1 ได้ประโยชน์จากเงินงบประมาณในการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 มานั้นชอบด้วยเหตุปัจจัยและผลแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน

          (วิธูร คลองมีคุณ-ศุภร พิชิตวงศ์เลิศ-นันทิกา จิวัธยากูล)

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 83, 84, 157, 162